การทหารสำเร็จแต่การฑูตล้มเหลวเราก็แพ้ได้เหมือนกัน … คุณกษิตครับ ผมเคารพคุณกษิตมานาน แต่ที่แถลงวันนั้นใช้ไม่ได้เลย … หน้าที่คุณไม่ใช่ให้มาแฉว่าฝรั่งเศส รัสเซีย และอินเดียสนับสนุนเขมร แต่หน้าที่คุณคือเงียบ ๆ ไว้ในประเด็นนี้ แล้วไปทำยังไงก็ได้ให้สามประเทศนี้กลับมาสนับสนุนไทย …. คุณพูดแบบนี้เท่ากับประกาศความเป็นศัตรูกับพวกเขา อย่าลืมว่าสองในสามประเทศนี้คือสมาชิกถาวรของ UNSC นะครับ
14ก.พ54 f-16ไทยร่วงที่ชัยภูมิ ใครหมั่นไส้กูวะ อุบ!!!!!!!!!! เพื่อจำลองรัฐไทยๆๆคนไทยทั้งนั้น ข่าวว่าดีดตัวทัน ไม่เชื่อหรอก มีแต่ซู…ออกเเบบให้ดีดตัวได้ f-16 นั้นเก่ามากจะตายพร้อมคนขับนะ เอาภาพมาให้ดูดิ… ต่อไปรัฐไทยให้มุสลิมขับเเง๋มๆๆเฮีย…อิอิ
‘เอฟ16’ร่วงตกที่’ชัยภูมิ’ นักบินปลอดภัยดีดตัวได้
United Nations Security Council – UNSC คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
. ข้อมูลพื้นฐาน/โครงสร้าง
1.1 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council – UNSC) มีสมาชิก 15 ประเทศ ประกอบไปด้วยสมาชิก 2 ประเภท คือ สมาชิกถาวร 5 ประเทศ (สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน และรัสเซีย) และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี และไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งซ้ำได้ในทันทีเมื่อหมดวาระ
1.2 การเลือกตั้งสมาชิกไม่ถาวรของ UNSC แบ่งตามกลุ่มภูมิภาค 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก กลุ่มแอฟริกา กลุ่มลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (GRULAC) กลุ่มยุโรปตะวันออก (EES) และ กลุ่มยุโรปตะวันตกและประเทศอื่น (WEOG) โดยกลุ่มเอเชียฯ ได้รับการจัดสรรที่นั่ง 2 ที่ กลุ่มแอฟริกา 3 ที่ กลุ่ม GRULAC 2 ที่ กลุ่มยุโรปตะวันออก 1 ที่ และกลุ่ม WEOG 2 ที่
1.3 การเลือกตั้งสมาชิกไม่ถาวร UNSC มีขึ้นในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) ซึ่งมีการประชุมหลักๆ ในช่วงเดือน ก.ย. ถึง ธ.ค. ของทุกปี โดยประเทศที่จะได้รับการเลือกตั้งจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม UNGA โดยเป็น การลงคะแนนลับ ทั้งนี้ สมาชิก UNSC ที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ม.ค. ของปีถัดไป
1.4 สมาชิกไม่ถาวรปัจจุบัน
– หมดวาระปี 2553 (ค.ศ. 2010) ได้แก่ ออสเตรีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก ตุรกี และยูกันดา
– หมดวาระปี 2554 (ค.ศ. 2011) ได้แก่ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บราซิล กาบอง เลบานอน และไนจีเรีย
1.5 ผู้แทนของประเทศสมาชิก UNSC จะหมุนเวียนกันดำรงตำแหน่งประธาน UNSC ทุกเดือน ตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษของชื่อประเทศ โดยจะมีการหมุนเวียนในปี 2553 (ค.ศ. 2010) ดังนี้
– ม.ค. จีน – ก.ค. ไนจีเรีย
– ก.พ. ฝรั่งเศส – ส.ค. รัสเซีย
– มี.ค. กาบอง – ก.ย. ตุรกี
– เม.ย. ญี่ปุ่น – ต.ค. ยูกันดา
– พ.ค. เลบานอน – พ.ย. สหราชอาณาจักร
– มิ.ย. เม็กซิโก – ธ.ค. สหรัฐอเมริกา
2. อำนาจ/หน้าที่
ข้อ 24-26 ของกฎบัตรสหประชาชาติกำหนดอำนาจหน้าที่ของ UNSC คือ UNSC มีความรับผิดชอบขั้นต้น (primary responsibility) สำหรับการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (ข้อ 24) และกำหนดภารกิจของกองกำลังรักษาสันติภาพและร่วมมือกับคณะกรรมการฝ่ายทหารในการกำหนดแผนการลดอาวุธ (ข้อ 26) ทั้งนี้ สมาชิก UN ตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของ UNSC (ข้อ 25)
3. การลงคะแนนเสียง
ข้อ 27 ของกฎบัตรสหประชาชาติกำหนดวิธีการลงคะแนนเสียงข้อมติ คือ แต่ละประเทศสมาชิกฯ มีคะแนนเสียงหนึ่งคะแนนเท่ากัน โดยคำวินิจฉัยของ UNSC ในทุกเรื่องจะต้องกระทำด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบของสมาชิกอย่างน้อย 9 ประเทศ โดยต้องรวมคะแนนเสียงเห็นพ้องของประเทศสมาชิกถาวรทั้ง 5 ประเทศ ด้วย (เป็นที่มาของคำว่า “สิทธิยับยั้ง” (veto) อย่างไรก็ดี ไม่มีคำว่า veto ปรากฏในกฎบัตรฯ) ยกเว้นในกรณีคำวินิจฉัยเรื่องวิธีการดำเนินการ (procedural matters) ต้องการเสียงเห็นชอบจากสมาชิกประเภทใดก็ได้จำนวนอย่างน้อย 9 ประเทศ
4. ลักษณะ/แนวโน้มการดำเนินงานของ UNSC
4.1 ที่ผ่านมาข้อมติ UNSC อาจจำแนกเป็น 2 ประเภท คือ วาระที่เกี่ยวกับประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ (country-specific agendas) และวาระที่มีลักษณะประเด็นเฉพาะ (thematic issues) เช่น การก่อการร้ายสากล (international terrorism) เด็กและความขัดแย้งด้วยอาวุธ (Children and Armed Conflict) ความร่วมมือกับองค์กรภูมิภาค (Cooperation with Regional Organisations) ประเด็นความยุติธรรม การไม่ต้องรับโทษ และการปกครองโดยหลักนิติธรรม (Justice, Impunity & Rule of Law Issues) การคุ้มครองพลเรือนในสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ (Protection of Civilians in Armed Conflict) และอาวุธเล็ก (Small Arms)
4.2 ที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 95 ของข้อมติเป็นเรื่องที่ UNSC สามารถมีฉันทามติร่วมกันได้โดยไม่ต้องลงคะแนนเสียง อีกประมาณร้อยละ 5 เป็นปัญหาที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองและมีผลประโยชน์ขัดแย้งชัดเจน จึงมักจะนำไปสู่การลงคะแนนเสียง ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศใน UNSC มีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันมากขึ้น ทำให้ร่างข้อมติที่จะนำไปสู่การลงคะแนนเสียงอาจจะมีจำนวนน้อยลง แต่กระบวนการเพื่อนำไปสู่การได้มาซึ่งฉันทามติอาจจะมีความซับซ้อนและต้องอาศัยการโน้มน้าว (lobby) มากขึ้น
4.3 UNSC ยังคงให้ความสำคัญกับปัญหาที่มีผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ เช่น ปัญหาตะวันออกกลาง ปัญหาความขัดแย้งในแอฟริกา (โซมาเลีย ซูดาน เอริเทรีย ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เข้าสู่การพิจารณาของ UNSC น่าจะมีมากขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาทางการเมืองและความมั่นคงและกรณีความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ จะยังคงอยู่ แต่จะมีมิติที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นที่กว้างกว่าสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องศาสนาและความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม/ศาสนา คาดว่าจะทวีความสำคัญมากขึ้น
4.4 ปัจจุบัน UNSC มีแนวโน้มที่จะอภิปรายในเรื่องที่มิได้เป็นเพียงประเด็นความมั่นคงรูปแบบเดิม (traditional security issues) โดยเฉพาะประเด็นสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (international peace and security) ตามอาณัติเดิมของ UNSC โดยเริ่มมีการอภิปรายปัญหาระหว่างประเทศในเกือบทุกหัวข้อ ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน ความรุนแรง การพัฒนา สิทธิสตรี ฯลฯ โดยมีการอภิปรายประเด็นเฉพาะ (thematic issues) ในหัวข้อต่างๆ มากขึ้น ซึ่งหลายประเทศเห็นว่า UNSC ไม่ควรมีบทบาทและพิจารณาประเด็นที่คาบเกี่ยวหรืออาจจะเป็นการก้าวล่วงภารกิจ/บทบาทขององค์กรอื่นๆ
4.5 ขณะนี้ ได้มีความพยายามปฏิรูป UNSC อย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ประเด็นที่หารืออย่างกว้างขวางและยังไม่เป็นที่ตกลงกันคือ การขยายสมาชิกภาพ แต่ประเทศสมาชิก UN หลายประเทศให้ความสำคัญกับการปรับปรุงวิธีการทำงานของ UNSC ในเรื่องความโปร่งใสและการมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ มากขึ้น
5. ไทยกับการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวรของ UNSC (พ.ศ. 2560-2561 / ค.ศ. 2017-2018)
5.1 ภูมิหลัง
– ไทยได้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติลำดับที่ 55 ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2489 (ค.ศ. 1946) และเคยเป็นสมาชิกไม่ถาวร UNSC ครั้งเดียวในช่วงวาระปี 2528-2529 (ค.ศ. 1985-1986)
– คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้แจ้งการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกไม่ถาวร UNSC ในวาระปี 2560-2561 (ค.ศ. 2017-2018) ผ่านคณะกรรมการอาเซียน ณ นครนิวยอร์ก (ASEAN New York Committee) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2550 (ค.ศ. 2007) และแจ้งต่อกลุ่มเอเชีย ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2550 (ค.ศ. 2007) รวมทั้งได้แจ้งการสมัครรับเลือกตั้งของไทยในวาระปี 2560-2561 (ค.ศ. 2017-2018) ต่อประเทศสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 (ค.ศ. 2008) ทั้งนี้ การเลือกตั้งสำหรับตำแหน่งดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงการประชุมสมัยสามัญของสมัชชาสหประชาชาติปี 2559 (ค.ศ. 2016)
– คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการสมัครของไทยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 (ค.ศ. 2009) โดยขณะนี้ไทยได้เริ่มแลกเสียงและขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ แล้ว
5.2 นโยบายรัฐบาล
– การสมัครดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมการมีบทบาทร่วมกับประชาคมโลกในด้านการปกป้องรักษาและฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงรวมทั้งในกรอบสหประชาชาติ
5.3 ผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ
– ส่งเสริมและยกระดับภาพลักษณ์ วิสัยทัศน์ และความก้าวหน้าเชิงการทูตและการเมืองระหว่างประเทศของไทยในเวทีพหุภาคี เนื่องจาก UNSC เป็นองค์กรที่เป็นเสาหลักด้านสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศของสหประชาชาติ รวมทั้งอาจช่วยยกระดับไทยให้เป็นประเทศหนึ่งที่มีความสำคัญขนาดกลางในเวทีระหว่างประเทศ
– เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะมีผลให้ไทยสามารถมีส่วนร่วมและบทบาทในการกำหนดท่าทีต่อประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของ UNSC ตั้งแต่ต้น อันรวมถึงประเด็นที่ไทยมีบทบาทสร้างสรรค์ที่ผ่านมา อาทิ ด้านมนุษยธรรม ความมั่นคงของมนุษย์ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นผลดีต่อการเตรียมตัว เตรียมท่าที หรือแสวงหาประโยชน์ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อประเทศไทยได้อย่างทันท่วงที
– เป็นโอกาสในการผลักดันวาระที่จะเป็นผลประโยชน์ของประเทศไทยในช่วงนั้น หรือปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของไทยในประเด็นที่มีผลกระทบหรือเกี่ยวโยงกับไทยโดยตรงอย่างใกล้ชิด หากไทยมีวาระที่ต้องการใช้กลไกพหุภาคีเป็นเวทีที่จะรักษาผลประโยชน์
– เสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรของไทยในด้านการทูตพหุภาคี
5.4 แนวทางดำเนินงานของไทย
– ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ไทยได้พยายามยกระดับบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศให้เด่นชัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการหาเสียงรวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกไม่ถาวรของ UNSC เช่น การเป็นสมาชิกในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในกรอบสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการเสริมสร้างสันติภาพแห่งสหประชาชาติ (Peacebuilding Commission – PBC) ในวาระปี 2552-2553 (ค.ศ. 2009-2010) และการลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council – HRC) ในวาระปี 2553-2556 (ค.ศ. 2010-2013) การเพิ่มบทบาทในเวทีระหว่างประเทศรวมทั้งในกรอบภูมิภาคด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ สันติภาพ การลดและไม่แพร่ขยายอาวุธ และประเด็นด้านการพัฒนา
– ไทยได้กำหนดประเด็นหลัก (theme) ในเรื่อง “สันติภาพที่ยั่งยืนต้องมาจากการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อใช้เป็นแนวทางการรณรงค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยชี้ให้เห็นว่า หากไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของ UNSC ไทยในฐานะประเทศสายกลางสามารถเป็นตัวกลาง (bridge builder) เชื่อมโยงระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศอื่นๆ โดยอาจเน้นประเด็นเรื่องการหารือและร่วมมือที่สร้างสรรค์ในการพิจารณาส่งเสริมและแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงของมนุษย์แบบครอบคลุมทุกด้าน
**************************
กองสันติภาพ ความมั่นคง และการลดอาวุธ